บทที่ 2
จัดระบบโครงสร้างข้อมูล (Information Architecture)
มี 5 Phase 13 ขั้นตอน
phaseที่1 สำรวจปัจจัยสำคัญ (Research)
1.รู้จักตัวเอง: กำหนดเป้าหมายหลักของเว็บ คือ จำเป็นต้องมี,อยากให้มี,ยังรอได้
2.เรียนรู้ผู้ใช้ : กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
3.สำรวจการแข่งขันและคู่แข่ง : สำรวจบรรยากาศการแข่งขัน ,เรียนรู้จากคู่แข่ง
phaseที่2 พัฒนาเนื้อหา (Site
Content)
4.สร้างกลยุทธ์การออกแบบ
-ประยุกต์เนื้อหาจากสื่ออื่น
-เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
5.หาข้อสรุปของขอบเขตเนื้อหา
-กำหนดเนื้อหาและการใช้งานที่จำเป็น
phaseที่3 พัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)
6. จัดระบบข้อมูล :
จัดกลุ่มและระบุชื่อเนื้อหา คือ
ร่างแผนผังโครงสร้าง
7. จัดทำโครงสร้างข้อมูล
-จัดทำรายการโครงสร้างของเว็บ :
ควรมองเห็นข้อมูลในรูปแบบกว้างๆแล้วค่อยแตกย่อยลงไป
-จัดทำแผนผังโครงสร้างของเว็บ : เป็นการทำ Site Map
8.พัฒนาระบบเนวิเกชัน
-วางแผนแนวทางการเคลื่อนที่ภายในเว็บไซต์ :
แสดงแนวทางการเชื่อมโยงที่ชัดเจน
-สร้างระบบเนวิเกชัน : เริ่มต้นจากการพิจารณาแผนผังโครงสร้างเว็บ
phaseที่4 ออกแบบและพัฒนาหน้าเว็บ(Visual Design)
9.ออกแบบลักษณะหน้าตาเว็บเพจ
-สร้างแบบจำลองรายละเอียดข้อมูลในหน้าเว็บ :
โดยการร่างเป็นตัวหนังสือก่อน
-จัดแบ่งพื้นที่ในหน้าเว็บ: กำหนดขอบเขต ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
-ออกแบบโครงร่างของหน้าตาเว็บ
10.พัฒนาเว็บต้นแบบและโครงสร้างเว็บขั้นตอนสุดท้าย
-สร้างและทดสอบเว็บต้นฉบับ
-สรุปแผนผังโครงสร้างเว็บขั้นสุดท้าย : ผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย เรียกว่า Final architecture blueprint
-ระบุข้อกำหนดในการพัฒนาเว็บไซต์ : ข้อกำหนด (Specs) คือ
เอกสารที่กำหนดลักษณะการออกแบบ
-กำหนดรูปแบบมาตรฐาน (Style Guide) :ภายในเว็บควรจะมีลักษณะสม่ำเสมอ
phaseที่5 พัฒนาและดำเนินการ (Production & Operation)
11.ลงมือพัฒนาเว็บ
-เรียบเรียงและตรวจสอบข้อมูล
-ตกแต่งหน้าเว็บให้สมบูรณ์
-สร้างเทมเพลตสำหรับหน้าเว็บ
-พัฒนาระบบการใช้งานของเว็บ
12.เปิดตัวเว็บไซต์ (Launch)
-ทดสอบคุณภาพการใช้งานและความถูกต้อง : การใช้งาน ความสม่ำเสมอและความถูกต้อง
-ทำให้เว็บเป็นที่รู้จัก : ลงทะเบียนกับ Search engine
13 ดูแลผู้ใช้
-เพิ่มข้อมูลใหม่โดยยึดรูปแบบมาตรฐาน(โครงสร้างเดิม)
-วิเคราะห์สถิติการใช้บริการในเว็บ :
ตรวจสอบดูว่าช่วงเวลาใดมีผู้เข้าใช้เป็นจำนวนมากที่สุด
-ตรวจสอบความถูกต้องของลิงค์ : ลิงค์ผิดพลาดจะรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ
-ตรวจสอบเนื้อหาและการใช้งานเว็บให้ถูกต้องทันสมัยและตรงกับความต้องการของผู้ใช้อยู่เสมอ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
จัดระบบข้อมูลในเว็บ
ปัญหาความคลุมเครือของกลุ่มข้อมูล
- การแบ่งข้อมูลต้องอาศัยพื้นฐานทางด้านภาษามาช่วยเพราะคำหนึ่งคำมีความหมายได้หลายอย่างในเหตุการณ์ต่างกัน
- การแบ่งหมวกหมู่ในเว็บมักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น
หัวเรื่องหรือข้อความ
ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจระบบการจัดกลุ่มข้อมูลที่เราได้ออกแบบไว้
การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล
ได้แก่
การจัดกลุ่มข้อมูลการกำหนดตำแหน่งของข้อมูลและเทคนิคที่ใช้นำเสนอผู้ออกแบบควรจัดกลุ่มข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
โดยรูปแบบการจัดกลุ่มข้อมูลอาจกระทำได้หลายลักษณะ หลักการออกแบบโครงสร้างระบบข้อมูลแบบลำดับชั้นควรมีจำนวน
7 บวกลบ 2 รายการในเมนูที่มีจำนวนรายการมากกว่า 10
จะสร้างความรู้สึกว่ามากเกินไปส่วนความลึกไม่ควรเกิน 4-5 ชั้น
เพราะจะทำให้ผู้ใช้อาจหมดหวังและเลิกล้มความตั้งใจได้
โครงสร้างระบบข้อมูลแบบไฮเปอร์เท็กซ์มีลักษณะคล้ายเครือข่ายโยงใยโครงสร้างระบบนี้แบ่งเป็น
2 ส่วนคือ รายการ
หรือกลุ่มข้อมูลที่ถูกลิงค์กับลิงค์ที่เชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นส่วนใหญ่จึง
มักนำระบบนี้มาใช้เป็นส่วนเสริมให้กับโครงสร้างข้อมูลแบบลำดับชั้น
โครงสร้างข้อมูลแบบฐานข้อมูล
มักนิยมใช้กับเว็บขนาดใหญ่ การนำระบบฐานข้อมูลมาใช้ในเว็บจะช่วยเพิ่มความสามารถในการค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
แต่เป็นเรื่องยากที่จะเอาข้อมูลทั้งหมดมาไว้ในฐานข้อมูล
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ออกแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บไซต์
-รูปแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ
-รูปแบบหลักมี 2 ประเภท คือ GIF และ JPG
-GIF ย่อมาจากคำว่า Graphic Interchange Format
-ได้รับความนิยมในยุคแรก
-มีระบบสีแบบ Index ซึ่งมีข้อมูลสีขนาด 8 บิต
ทำให้มีสีมากสุด 256 สี
-มีการบีบอัดข้อมูลตามแนวของพิกเซล
เหมาะสำหรับกราฟฟิกที่ประกอบด้วยสีพื้น
-JPG ย่อมาจากคำว่า Joint Photographic Experst Group
-มีข้อมูลสีขนาด 24 บิต (True Color) สามารถแสดงสีได้ถึง
16.7ล้านสี
-ใช้ระบบการบีบอัดที่มีลักษณะที่สูญเสีย (lossy)
-ไฟล์ประเภทนี้ควรนำไปใช้กับรูปถ่ายหรือกราฟฟิกที่มีการไล่ระดับสีอย่างละเอียดระบบการวัดความละเอียดของรูปภาพ
-ระบบการวัดความละเอียดของรูปภาพที่แสดงผลบนมอนิเตอร์ควรใช้หน่วย pixel
por inch (ppi)
-การใช้งานจะนำหน่วย dor per inch (dpi) ซึ่งเป็นหน่วยวัดความละเอียดของสิ่งพิมพ์มาใช้งานแทน
ppi
-ความละเอียดของรูปภาพที่ใช้ในเว็บไซต์ควรมีความละเอียดแค่ 72
ppi
โปรแกรมกราฟฟิกสำหรับเว็บ
-Adobe PhotoShop
-Adobe ImageReady
-Firework
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น